“ผมมีประกันเต็ม 100,000 บาทแล้ว”
“ผมมีประกันเต็ม 100,000 บาทแล้ว”
มีคนไม่น้อย หรืออาจจะเป็น “คุณ” ที่เข้าใจว่าการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตปีละ 100,000 บาทคือการใช้ประโยชน์ของประกันเต็มที่แล้ว ตัวแทนที่มาเสนอหลังจากนี้เป็นอันถูกปิดประตูตาย ถ้านี่หมายถึงแค่การใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี คุณทำถูกแล้วครับ
แต่...ประกันชีวิตไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีเป็นวัตถุประสงค์หลัก ประโยชน์ที่แท้จริงของประกันชีวิตคือ “การปกป้อง”
ปกป้องครอบครัว
ประกันชีวิตอาจไม่จำเป็นเลยถ้าบนโลกนี้มี “ยาอายุวัฒนะ” เพราะเราจะไม่มีวันเจ็บป่วย เราจะไม่มีวันตาย เราจะได้อยู่ดูแลครอบครัวไปตลอดจนชั่วนิรันดร์ เราจะมีเวลาไม่จำกัดในการหาเงินมาให้ครอบครัวได้จับจ่ายใช้สอยไม่เดือดร้อน อยากกินก็ได้กิน ลูกอยากเรียนก็ได้เรียน
แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น อายุขัยของเรามีจำกัด เราอาจจะหยุดหายใจในวันที่เราคาดไม่ถึง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่หยุด นั่นคือ...ค่าใช้จ่ายของครอบครัว ข้าวยังต้องซื้อ ลูกยังต้องเรียน ฯลฯ แต่ใครล่ะจะมาเป็นคนหาเงินแทนเรา?
รายได้หาย ค่าใช้จ่ายยังวิ่งอยู่
ประกันชีวิตเป็นวิธีการ “สำรองเงิน” ล่วงหน้าไว้ให้ครอบครัวหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ ถ้าสำรองไว้มากพอครอบครัวจะไม่เดือดร้อน ลูกจะมีเงินค่าเทอมจนเรียนจบ
ปกป้องเงินในกระเป๋า
โจรปล้นจะได้ไปแค่เงินที่มีอยู่ในกระเป๋า แต่งานจะเข้าถ้าเจอใบเสร็จใบใหญ่จากโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายประเภทนี้ต้องเจอกันเกือบทุกคนไม่เร็วก็ช้า โชคร้ายคือเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นวันไหน และเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆคือ...ถ้าสิ่งนี้มาถึงก็ “ต้องใช้เงิน” บางครั้งอาจต้องใช้เงินมากกว่าที่เรามีอยู่ หรืออาจต้องดึงเงินจากส่วนอื่นมาใช้
ประกันสุขภาพทำให้เราสามารถเตรียมสำรองเงินมารองรับค่าใช้จ่ายประเภทนี้โดยที่ใช้เงินไม่เยอะ เอาเงินก้อนเล็กมาปกป้องเงินก้อนใหญ่ เบี้ยประกันเป็นสิ่งที่เรารู้ล่วงหน้าและสามารถลงไว้ในแผนการเงินล่วงหน้าได้ ในขณะที่ค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งจำนวนและช่วงเวลา
การใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วยเบี้ยประกันชีวิตเป็นเพียงประโยชน์ส่วนเล็กๆ สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือมันสามารถปกป้องและสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวได้นานเท่าที่เราต้องการให้เป็น
พัชภัคกร สุรรัตน์ : Financial Advisor
Facebook : Financial สบาย สบาย
ยังไม่มีความคิดเห็น คุณเป็นคนแรกที่แสดงความเห็น