“เตรียมเพื่อลูกอย่างไร ให้หมดกังวล”
“เตรียมเพื่อลูกอย่างไร ให้หมดกังวล”
วันนี้ขอเอาความรู้สึกของพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกมีชีวิตที่ดีมาแชร์กันหน่อยนะครับ ผมเป็นพ่อคนหนึ่งที่เชื่อว่าถ้าผมยังได้อยู่ดูแลลูกไปตลอด ไม่มีทางที่ลูกจะลำบาก และผมก็เชื่อว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่คิดเหมือนผม
แต่... “พ่อแม่ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า” สักวันเราก็ต้องจากลูกไป แต่ไม่รู้ว่าวันไหน ความกังวลสุดๆของพ่อแม่ในวันนั้น คือ “แล้วลูกจะอยู่ยังไง?”
ผมมีวิธีเตรียมความพร้อมให้ลูกเพื่อให้พวกเขายืนได้ด้วยขาของตัวเองมาฝากกันครับ
เตรียมความรู้
ความรู้เป็นทรัพย์สินที่จะติดตัวไปตลอด และไม่มีใครจะขโมยไปได้ การที่จะให้ลูกเรียนอะไรก็ต้องพิจารณาถึงความสนใจของลูก แต่อย่าลืมที่จะคิดด้วยว่าสิ่งที่ลูกชอบนั้นมีแนวโน้มอย่างไรในอนาคต หลายงานกำลังจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี ความต้องการของตลาดแรงงานก็น้อยลง นอกจากสิ่งที่ลูกชอบ การให้ลูกได้ศึกษาในสิ่งที่สามารถสร้างโอกาสในอนาคตไว้ด้วยก็เป็นเพิ่มทางเลือกให้กับชีวิตของลูกด้วยเหมือนกัน
เตรียมทักษะ
หลายคนพูดว่า... อยากให้ลูกลำบากต้องเลี้ยงแบบสบาย อยากให้ลูกสบายต้องเลี้ยงแบบลำบาก การให้ลูกได้รู้จักดูแลและจัดการกับชีวิตด้วยตัวเองตั้งแต่เด็กเป็นการทำให้เขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ตกเป็นภาระของใคร ลองสำรวจลูกๆของคุณดูว่าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีคุณได้นานแค่ไหน กิจกรรมง่ายๆ เช่น ทำความสะอาดบ้าน เตรียมอาหาร ล้างจาน ซักผ้า ฯลฯ ทำกันเป็นหรือไม่ ถ้ามองแบบผิวเผิน การให้ทักษะในการใช้ชีวิตกับลูกอาจดูเหมือนเป็นพ่อแม่ที่ไม่รักลูก แต่ถ้ามองให้ลึกเข้าไปจะเห็นว่า นี่เป็นการทำให้ลูกสามารถยืนได้ด้วยขาของพวกเขาเองจริงๆ ไม่ว่าจะมีเราหรือไม่ก็ตาม
เตรียมนิสัย
ลูกไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ เขายังต้องพบคนพบโลกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนประถม เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเพื่อนร่วมงาน บางคนอาจมีเพื่อนที่หลากหลายช่วงอายุในแวดวงธุรกิจ การสร้างนิสัยในการเข้าสังคมที่ดีจะทำให้ลูกเป็นที่รักของคนทั่วไป ผู้ใหญ่จะให้ความเอ็นดู และจะเป็นสะพานที่จะนำลูกไปสู่การมีคอนเน็คชั่นที่ดีกับคนในแวดวงของเขา
เตรียมทรัพย์สิน
ทรัพย์สินที่เรามีอยู่และกำลังสร้างในทุกวันนี้ สักวันก็ต้องถูกส่งมอบให้กับลูกแน่นอน ทรัพย์สินแต่ละประเภทก็ให้โยชน์แตกต่างกัน บ้านเอาไว้ให้ลูกได้อยู่อาศัย ธุรกิจเอาไว้ให้ลูกได้สานต่อ (เฉพาะกรณีที่ลูกโตพอและเต็มใจพร้อมรับกิจการ) เงินสดเอาไว้เคลียร์หนี้สินที่ยังชำระไม่หมดและมีไว้ให้ลูกเป็นทุนในการต่อยอดความฝันในชีวิต พ่อแม่หลายคนพลาดในข้อนี้เพราะเข้าใจว่ามีเงินสดเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น บางทียังไม่พอจ่ายหนี้ด้วยซ้ำ ลูกที่ยังต้องเรียนหนังสือก็ต้องไปพึ่งพาคนอื่น จริงๆแค่ทะยอยย้ายเงินบางส่วนมาไว้ในประกันชีวิตก็สามารถเพิ่มเงินสดในส่วนนี้ได้อย่างมหาศาลแล้ว และยังจะเป็นเงินก้อนแรกที่ส่งถึงมือของลูกอีกด้วย
อย่าลืมนะครับ... “พ่อแม่ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า” แต่ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดี ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม
พัชภัคกร สุรรัตน์ : Financial Advisor
Facebook : www.facebook.com/financial.sabai
ยังไม่มีความคิดเห็น คุณเป็นคนแรกที่แสดงความเห็น