“เมื่อมรดก 200,000 ล้านต้องถูกส่งมอบ”
“เมื่อมรดก 200,000 ล้านต้องถูกส่งมอบ”
หากเจ้ามรดกอัครมหาเศรษฐีต้องจากไป ทรัพย์สินต่างๆพร้อมหนี้สินจะต้องถูกส่งมอบไปยังทายาทตามกระบวนการทางกฎหมาย ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆมาให้ศึกษากันนะครับ
สมมุติฐาน
1. มีทรัพย์สินที่หักหนี้สินแล้วคิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านบาท
2. ทรัพย์สินทั้งจำนวนเป็นสินสมรส
3. ไม่ได้มีการวางแผนหรือทำพินัยกรรมใดๆ
4. ทายาทโดยธรรมมีเพียง คู่สมรส 1 คน และ บุตร 4 คน เท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามนี้
ทายาทขออำนาจศาลเพื่อแต่งตั้ง “ผู้จัดการมรดก”
คู่สมรสได้รับทรัพย์สินไปก่อนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นมูลค่า 100,000 ล้านบาท ในส่วนของ “สินสมรส”
ส่วนที่เหลืออีก 100,000 ล้านบาท จะถูกแบ่งให้ คู่สมรสและบุตรอีก 4 คนเป็นจำนวนเท่ากันในฐานะ “ทายาทโดยธรรม”
ทรัพย์สินที่ทายาทแต่ละคนได้รับจะมีมูลค่า
- คู่สมรส : 120,000 ล้านบาท
- บุตรแต่ละคน : 20,000 ล้านบาท
ระยะเวลาในการดำเนินการจะขึ้นอยู่กับกระบวนการทางกฎหมาย
ภาษีการรับมรดก ซึ่งต้องยื่นแบบเพื่อเสียภาษีภายใน 150 วันนับตั้งแต่วันที่รับมรดกเกิน 100 ล้านบาท
- คู่สมรส ได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดกตามกฎหมาย
- บุตรแต่ละคน จะเสียภาษีในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งก็คือ 19,900 ล้านบาท นำมาคำนวณภาษี 5% คิดเป็นเงินที่ต้องเสียภาษี 995 ล้านบาทต่อคน
หากเจ้ามรดกได้ซื้อ “ประกันชีวิต” เอาไว้ ทุนประกันชีวิตจะถูกส่งมอบให้กับผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์โดย “ได้รับการยกเว้นภาษี” ทั้งหมด ไม่สำคัญว่าจะมีมูลค่ามากมายเท่าไหร่ก็ตาม และจะถูกส่งมอบภายในเวลาประมาณ 7 วัน นับตั้งแต่วันที่เอกสารการเรียกร้องสินไหมถูกส่งเข้าบริษัทประกันครบถ้วน
ผมเชื่อว่ามหาเศรษฐีส่วนใหญ่ได้มีการวางแผนเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างดี เพราะแต่ละคนจะมี Financial Advisor ที่คอยดูแลและบริหารทรัพย์สินต่างๆไปจนถึงการจัดการมรดกอย่างเป็นระบบ
แต่ไม่ว่าเราจะมีทรัพย์สินมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาและความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ การวางแผนมรดกเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อจัดการให้เสร็จ ความสบายใจจะตามมาแน่นอนครับ
ปล. บทความนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่าง ไม่ได้เขียนขึ้นจากข้อมูลของบุคคลใดทั้งสิ้น
พัชภัคกร สุรรัตน์ : Financial Advisor
FB : Financial สบาย สบาย www.facebook.com/financial.sabai
ยังไม่มีความคิดเห็น คุณเป็นคนแรกที่แสดงความเห็น